Blog

  • Five Nights at Freddy’s 2 (2025)

    Five Nights at Freddy’s 2 (2025)

    ชื่อภาพยนตร์: Five Nights at Freddy’s 2 วันที่เข้าฉาย: 5 ธันวาคม 2025 ผู้กำกับ: เอ็มมา แทมมิ (Emma Tammi) ผู้เขียนบท: สกอตต์ คอว์ธอน (Scott Cawthon) นักแสดงนำ: จอช ฮัทเชอร์สัน (Josh Hutcherson) เป็น ไมค์ ชมิดท์ (Mike Schmidt), ไพเพอร์ รูบิโอ (Piper Rubio) เป็น แอ็บบี้ (Abby), อลิซาเบธ เลล (Elizabeth Lail) เป็น วาเนสซา (Vanessa), แมทธิว ลิลลาร์ด (Matthew Lillard) เป็น วิลเลียม แอฟตัน (William Afton) นักแสดงใหม่: สกี้ท อุลริช (Skeet Ulrich), แมคเคนนา เกรซ (Mckenna Grace), เวย์น ไนท์ (Wayne Knight)

    คะแนน IMDB และกระแสวิจารณ์ (เบื้องต้น)

     

    • คะแนน IMDB (คาดการณ์): เนื่องจากภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่รายได้แต่ได้รับการวิจารณ์ในแง่ลบจากนักวิจารณ์ (แต่ได้คะแนนจากผู้ชมสูง) ภาคที่ 2 น่าจะทำได้ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญาของผู้สร้างที่ว่าจะเป็นภาคที่ “เน้นแฟนคลับและแอ็กชันมากขึ้น” คาดว่าคะแนนจะอยู่ที่ราว
    • กระแสวิจารณ์โดยรวม: คาดว่าจะชื่นชมการกลับมาของ วิลเลียม แอฟตัน ในชุด Springtrap และการเพิ่มความสยองขวัญในมิติที่กว้างขึ้น (ไม่ได้จำกัดแค่ในร้านพิซซ่า) แต่ยังคงต้องรอดูว่าภาพยนตร์จะสามารถสร้าง ความน่ากลัวในแบบฉบับ Jump Scare ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมได้เข้มข้นขึ้นกว่าภาคแรกหรือไม่

     

    เรื่องย่อโดยละเอียดและสปอยล์ (Plot Summary & Major Spoilers)

     

    Five Nights at Freddy’s 2 จะเริ่มต้นขึ้น หนึ่งปี หลังจากเหตุการณ์สยองขวัญที่ร้าน Freddy Fazbear’s Pizza ถูกปิดตาย

     

    จุดเริ่มต้นของฝันร้ายครั้งใหม่

     

    1. ความพยายามที่จะใช้ชีวิตปกติ: ไมค์ ชมิดท์ และน้องสาว แอ็บบี้ พยายามกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ โดยมี วาเนสซา (เจ้าหน้าที่ตำรวจและลูกสาวของวิลเลียม แอฟตัน) ที่กำลังฟื้นตัวหลังจากถูกแทงในภาคแรก คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ พวกเขาพยายามเก็บความจริงที่น่ากลัวเกี่ยวกับวิญญาณเด็กที่สิงสถิตอยู่ในหุ่น Animatronics ไว้เป็นความลับ
    2. ตำนานในท้องถิ่น: เรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้านพิซซ่าถูกบิดเบือนกลายเป็น ตำนานท้องถิ่น ที่ตลกขบขันและถูกนำไปจัดกิจกรรมเทศกาล “Fazfest” ในเมือง ซึ่งเป็นฉากหลังสำหรับความวุ่นวายครั้งใหม่
    3. การติดต่อที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง: แอ็บบี้ ซึ่งยังคงมีความผูกพันกับ “เพื่อนหุ่นยนต์” ของเธอ ได้แอบหนีออกไปเพื่อพยายามติดต่อกับ เฟรดดี้, บอนนี่, ชิกา และฟ็อกซี่ อีกครั้ง การกระทำนี้ได้เปิดฉากความสยองขวัญชุดใหม่ และนำไปสู่การค้นพบสถานที่และหุ่น Animatronics แห่งใหม่ที่อาจเชื่อมโยงกับช่วงเวลาในวิดีโอเกม Five Nights at Freddy’s 2 (ซึ่งมีหุ่นรุ่น “Toy Animatronics” และ The Puppet)

     

    การเปิดเผยความลับและภัยคุกคามที่หลุดออกมา

     

    1. สถานที่ใหม่และความลับดำมืด: ไมค์และวาเนสซาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวอีกครั้ง เมื่อแอ็บบี้ถูกดึงเข้าสู่สถานการณ์อันตราย ภารกิจของพวกเขาคือการค้นพบ ต้นกำเนิดที่แท้จริง ของร้าน Freddy’s ซึ่งเป็นความลับดำมืดที่ถูกซ่อนไว้มานานหลายทศวรรษ
    2. การกลับมาของ Springtrap (สปอยล์สำคัญ): วิลเลียม แอฟตัน (Matthew Lillard) ผู้เป็นฆาตกรต่อเนื่องซึ่งถูกชุดสปริงล็อกบดขยี้ในตอนจบของภาคแรก ได้กลับมาในสภาพที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิมในฐานะ Springtrap ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ่น Animatronics ที่อันตรายที่สุด เขาไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในร้านพิซซ่าอีกต่อไป แต่ได้หลุดออกมาสู่โลกภายนอก
    3. การเผชิญหน้ากับความสูญเสีย: ภาพยนตร์จะมีการแนะนำตัวละครใหม่ ๆ ที่อาจเป็น นักล่ากิจกรรมเหนือธรรมชาติ (Paranormal Activity Hunters) (แสดงโดย Mckenna Grace และ Teo Briones) ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เฮนรี่ เอมิลี่ (Henry Emily) ตัวละครสำคัญในตำนานของเกม โดยเฉพาะบทบาทของ สกี้ท อุลริช ที่คาดว่าจะมีความสำคัญต่อการเปิดเผยปมที่ยังค้างคาจากภาคแรก เช่น ชะตากรรมของ Garrett น้องชายของไมค์

     

    บทวิจารณ์เชิงวิพากษ์ (Critique)

     

    Five Nights at Freddy’s 2 ถูกคาดหวังให้เป็นภาคที่ เติมเต็มคำมั่นสัญญา ที่ภาคแรกทำไม่สำเร็จ โดยเฉพาะในด้านความสยองขวัญและฉากแอ็กชัน:

    • ขอบเขตที่กว้างขึ้น: การที่หุ่น Animatronics อย่าง Springtrap และ Foxy หลุดออกมาจากร้านอาหาร และออกอาละวาดในโลกภายนอก ทำให้ภาพยนตร์มีความตื่นเต้นและฉากแอ็กชันที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ต้องการ
    • การแสดงของ Matthew Lillard: การกลับมาของ Matthew Lillard ในบท William Afton / Springtrap คือจุดขายที่สำคัญที่สุด ด้วยการที่เขาเซ็นสัญญาเล่นบทนี้ถึงสามภาค ทำให้บทบาทของเขาถูกพัฒนาให้ซับซ้อนและน่ากลัวมากขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตำนาน (Lore) ในเกม
    • การเชื่อมโยงกับตำนานเกม (Game Lore): ผู้กำกับและผู้สร้างเกม (Scott Cawthon) ได้ยืนยันว่าภาคนี้จะ ดำดิ่งสู่ตำนานของเกม อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเปิดเผยต้นกำเนิดและปมค้างคาของครอบครัว Schmidt และ Afton ซึ่งจะเป็นที่ถูกใจของแฟนพันธุ์แท้
    • การเพิ่มความสยองขวัญ: ด้วยการเพิ่มหุ่น Animatronics ใหม่ ๆ และการหลุดพ้นจากข้อจำกัดด้านสถานที่ คาดว่าภาคนี้จะมีการใช้ Jump Scare และฉากสยองขวัญที่สร้างความตึงเครียดได้ดีกว่าเดิม

    ตัวอย่าง

     

    โดยสรุป Five Nights at Freddy’s 2 มีศักยภาพที่จะเป็นภาพยนตร์สยองขวัญภาคต่อที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และด้านคำวิจารณ์จากแฟน ๆ ด้วยการผสมผสานนักแสดงชุดเดิมเข้ากับนักแสดงหน้าใหม่ที่มีชื่อเสียง และการขยายความสยองขวัญให้พ้นจากกรอบร้านพิซซ่าเดิม ๆ ครับ

  • บทเรียนสำหรับผู้เข้าประกวดทุกคน: กรณี เบบี๋ สุพรรณี ทำไม ‘ความโปร่งใสต่ออดีต’ จึงสำคัญกว่าการซ่อนเร้น

    บทเรียนสำหรับผู้เข้าประกวดทุกคน: กรณี เบบี๋ สุพรรณี ทำไม ‘ความโปร่งใสต่ออดีต’ จึงสำคัญกว่าการซ่อนเร้น

    สรุปว่ากรณีของเบบี๋เป็นบทเรียนสำคัญที่ว่า การ เปิดเผยหรือจัดการกับอดีต อย่างโปร่งใสก่อนการประกวดมีความสำคัญมากกว่าการพยายามซ่อนเร้น เพราะในยุคโซเชียล อดีตย่อมถูกขุดค้นพบได้เสมอ หากผู้เข้าประกวดสามารถชี้แจงที่มาที่ไปของอดีตได้อย่างชัดเจน อาจทำให้กองประกวดสามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจได้อย่างรอบด้านตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดดราม่ารุนแรงหลังการรับตำแหน่งได้

  • ลองใช้ ‘Vibes’ เครื่องผลิตคอนเทนต์ไร้ขีดจำกัดของ Meta: นี่คือศิลปะ หรือแค่ ‘กากอาหาร’ แห่งโลก AI?

    ลองใช้ ‘Vibes’ เครื่องผลิตคอนเทนต์ไร้ขีดจำกัดของ Meta: นี่คือศิลปะ หรือแค่ ‘กากอาหาร’ แห่งโลก AI?

    Vibes คือฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของ Meta AI ที่เปิดตัวบนแอปฯ และเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการนำเสนอวิดีโอที่สร้างโดย AI ที่ส่งมาจากครีเอเตอร์ โดยเป็นการ เลื่อนดูแบบไม่มีที่สิ้นสุด (endless scroll) สิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของสิ่งที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ต้องการสร้างมาตั้งแต่สมัยออกแบบ Facebook นั่นคือเครือข่ายสังคมที่เน้นการเลื่อนดูอย่างไร้จุดหมาย

    การผสานรวมของ MTV และความไร้เรื่องราว

     

    สิ่งแรกที่ผู้รีวิวสังเกตเห็นจากการใช้เวลาเกือบทั้งวันกับการดู Vibes คือ วิดีโอสั้น ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ดูเหมือนคลิป 10 วินาทีจาก มิวสิกวิดีโอ บางอันดูเหมือนมิวสิกวิดีโอยุค 80 ที่เชย ๆ หรือบางอันก็ดูแปลกประหลาดเหมือนงานของผู้กำกับยุค 90

    • วิดีโอสัตว์เลี้ยง AI: คลิปวิดีโอสัตว์เลี้ยงที่สร้างด้วย AI ซึ่งมีจำนวนมาก มักจะดูเหมือนมาจากจักรวาลคู่ขนานที่ช่อง MTV กับ Hallmark Channel รวมตัวกัน
    • ปัญหาหลัก: แม้มิวสิกวิดีโอที่ดีจะสามารถเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจได้ แต่วิดีโอสั้น ๆ ใน Vibes นั้นเป็นเพียง ความสวยงามที่ดึงดูดสายตา (Eye Candy) ที่ยอดเยี่ยม แต่ ไม่มีเรื่องราวที่เชื่อมโยง เลยแม้แต่น้อย หลังจากเลื่อนดูเป็นเวลานาน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้โซเชียลมีเดียถึงเรียกบริการใหม่ของ Meta นี้ว่า “เครื่องผลิตกากอาหารที่ไม่สิ้นสุด” (infinite slop machine)

     

    อนาคตของวิดีโอ AI?

     

    ปัจจุบัน วิดีโอที่สร้างโดย AI ได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว (YouTube ก็เริ่มอนุญาตให้เพิ่มวิดีโอ AI ลงใน Shorts ได้แล้ว) คำถามคือ ถ้า Vibes คืออนาคตของศิลปะวิดีโอ AI จริง ๆ ศิลปินก็อาจจะสบายใจได้

    • ขาดบริบท: ศิลปินเข้าใจความสำคัญของการจัดวางและบริบท (Display and Context) ในงานศิลปะ แต่วิดีโอใน Vibes กลับถูกนำมา ยัดรวมกัน อย่างไม่มีพื้นที่ว่างให้หยุดพัก หรือประมวลผล
    • ไม่ติดอยู่ในหัว: วิดีโอสั้น ๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเหล่านี้ถูกฉายผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำเลย มีเพียงข้อยกเว้นบางกรณี เช่น วิดีโอแปลก ๆ ที่ดูเหมือน Tom Hanks และ Donald Trump กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างในทุ่งข้าวโพด ซึ่งสร้างความสยองขวัญแทน

     

    ปัญหาคือ “แคลอรีที่ว่างเปล่า”

     

    ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี AI Video จะก้าวหน้าไปมากจนปัญหาเรื่อง “มือที่มีนิ้วมากเกินไป” หรือแขนขาที่ผิดปกติที่เคยเห็นในงาน AI ยุคแรกเริ่มลดน้อยลงมากแล้ว แต่ก็ยังมีความผิดเพี้ยนเล็กน้อยปรากฏอยู่ (เช่น นักท่องเที่ยวริมทะเลที่ไม่ได้มองไดโนเสาร์ที่วิ่งอยู่ข้างหน้า)

    • ไม่ใช่ Uncanny Valley: ปัญหาหลักของ Vibes ไม่ใช่การที่มันดูแปลกประหลาดจนน่าขนลุก (Uncanny Valley) แต่เป็นเรื่องของ “แคลอรีที่ว่างเปล่า” หรือ “ความน่าสนใจที่ไร้แก่นสาร”
    • สมองต้องการเรื่องเล่า: เด็กเล็กอาจเพลิดเพลินไปกับความแปลกใหม่ของภาพได้นานหลายชั่วโมง แต่สมองที่เติบโตขึ้นจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีเรื่องราว (Storytelling) เข้ามาเกี่ยวข้อง นี่คือเหตุผลที่ฟีด Facebook ในอดีตน่าสนใจ เพราะเราได้แชร์และสร้างเรื่องราวร่วมกัน

    ในแง่หนึ่ง Zuckerberg เข้าใกล้ความฝันในยุค MTV ที่ต้องการสร้างการเลื่อนดูที่ไร้จุดหมายแล้ว แต่ในแง่ของการเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนอยากกลับมาดูซ้ำเพื่อติดตามว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปนั้น “เครื่องผลิตกากอาหารที่ไม่สิ้นสุด” ของ Meta ยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายนั้นอยู่มาก


    คุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับการเกิดขึ้นของวิดีโอ AI ที่มีปริมาณมหาศาลเช่นนี้บ้างครับ? คิดว่ามันจะส่งผลต่อการเสพสื่อของเราในอนาคตหรือไม่?

     

    ข้อมูลจาก sea.mashable.com

  • รีวิว: BID-049: ครูโรงเรียนมัธยมฉบับพิเศษ

    รีวิว: BID-049: ครูโรงเรียนมัธยมฉบับพิเศษ

    ความร่วมมือระหว่างสตูดิโอ Kira Kira (ฉลองครบรอบเจ็ดปี) และ Bi (ฉลองครบรอบห้าปี และปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Chijo Heaven) วิดีโอนั้นมีฉากหลังที่โรงเรียนเอกชน Kirabi Academy และเน้นไปที่กลุ่มนักเรียนหญิงแนว Gyaru แต่มันไม่ใช่ผลผลิตเดียวจากความร่วมมือครั้งนี้


     

    มุมมองของเหล่าคุณครู

    BID-049 ออกฉายในสัปดาห์ต่อมา กำกับโดย Zakku Arai โดยมีฉากหลังเป็นโรงเรียนเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน แต่คราวนี้เล่าเรื่องจากมุมมองของ คุณครูหญิง ได้แก่ ประธานโรงเรียน Saijō Ruri, รองครูใหญ่ Hasumi Kurea, ครูสอนภาษาอังกฤษ Hatano Yui, ครูสอนภาษาญี่ปุ่น Hazuki Nozomi และครูสอนสุขศึกษา Hoshizaki Yūna

    จำได้ไหมที่ผมบอกว่าใน KISD-079 นักเรียนหญิงแอบดูคุณครูหญิงมีเซ็กส์กับนักเรียนชาย? ในวิดีโอนี้ คุณจะได้เห็นฉากเต็มๆ ของสิ่งนั้น! Yui เป็นคนเริ่มก่อนด้วยการจูบที่เร่าร้อน แต่ไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็เข้าร่วมวงด้วย


     

    ฉากเซ็กส์ที่โดดเด่นและตลกขบขัน

    หนึ่งในฉากเซ็กส์ที่ผมชอบที่สุดเกิดขึ้นใน ห้องล็อกเกอร์ของนักเรียนชาย นักเรียนชายสองคนกำลังคุยและถอดเสื้อผ้าอยู่ จากนั้นทีละคน คุณครูหญิงแต่ละคนก็โผล่ออกมาจากล็อกเกอร์ มันทำให้ผมหัวเราะจริงๆ

    ฉากเซ็กส์อื่น ๆ ได้แก่: ฉากที่ Ruri และ Kurea มีเซ็กส์กับเพื่อนร่วมงานชาย และฉากที่ Yui, Nozomi และ Yūna มีเซ็กส์กับบาร์เทนเดอร์

    วิดีโอจบลงด้วย ฉากเซ็กส์เดียวกันกับที่ปิดท้าย KISD-079 ซึ่งเป็นฉากที่คุณครูรวมทีมกับนักเรียนหญิง แต่เกือบจะเหมือนกันเป๊ะ เพราะบางช่วงสั้นๆ แทนที่จะเน้นไปที่นักเรียนหญิง วิดีโอจะหันไปเน้นที่คุณครูแทน ดังนั้นแม้ในฉากนี้ ก็ยังมี เนื้อหาพิเศษ ที่ไม่ซ้ำซ้อน


     

    บทสรุป

    แม้ว่าผมจะชอบ KISD-079 มากกว่าเล็กน้อย (เพราะมีนักแสดงมากกว่าและมีเนื้อหาที่ไม่ใช่เซ็กส์เยอะกว่า) แต่ BID-049 ก็เป็นวิดีโอที่ยอดเยี่ยม (และตลก!) ที่มีการแสดงที่ยอดเยี่ยมและฉากเซ็กส์ที่น่าทึ่ง ผมแนะนำวิดีโอทั้งสองเรื่องนี้เลยครับ

    ★★★★☆ 4/5